วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Voice recognition ผู้ช่วยฟังภาษาอังกฤษ

วันนี้ผมจะมาพูด เกี่ยวกับ การใช้ voice recognition ซึ่งเราอาจจะรู้จักกันดีอยู่แล้วใน การใช้ siri หรือ พวกอินเตอร์แอคทีฟ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น google search ซึ่งสามารถใช้เสียงได้ เครื่องจริงโปรแกรมพวกนี้ เหมือนกับการ แปลง เสียงสัญญาณ ที่เป็นคำพูด ให้ออกมา เป็น ภาษาเขียน และ นำภาษาเขียน ไปใช้กับ โปรแกรมต่างๆ


สำหรับผม ที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ในทักษะ ด้านการฟัง แต่ก็มีความสามารถ ด้านการอ่าน ทำให้บางครั้ง การฟังคลิป ต่างๆ ใน youtube หรือวิดีโอสอน บางครั้ง ไม่สามารถจับข้อความ ที่สำคัญสำคัญ ได้ครบถ้วน หรือบางครั้ง การฟัง ผิด บท หรือความหมาย ของคำไปเลย


ซึ่งอย่างไร youtube หนังจะมี ปุ่ม subtitle ให้เรากด จะเห็นได้ว่า มันสามารถแปลงเสียงเป็นคำพูด ที่เป็นsubtitle แปลให้เราได้อ่านทันที




คือสิ่งนี้เอง voice recognition ซึ่งเริ่มใช้มาพูดไม่กี่ปีนี้ และปัจจุบัน ผมก็เห็นว่า มันใช้งานได้ ค่อนข้างดี แม้ในการเขียนบทความนี้ ผม ก็ใช้ speech recognition จาก google doc ที่เป็น ปลั๊กอิน ในการเขียนบทความ


ซึ่งจากการทดสอบครั้งนี้ ผมขอยืนยันได้ว่า สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างค่อนข้างถูกต้องเกิน 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ หรือสามารถ ใช้งานได้อย่างดี แต่อาจจะต้องพูดช้าช้าชัดชัดๆ และการจัดการย่อหน้า หรือ การเว้นวรรค อาจจะไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่ แต่ส่วนนั้นก็ไม่ใช่ส่วน voice recognition


ซึ่งในปัจจุบัน ผมว่าน่าจะใช้กันแพร่หลาย ตั้งแต่สมัยที่ apple มีการใช้งาน siri และเห็นใช้ภาษาไทยได้ เหมือนกัน แต่บางครั้งในชีวิตประจำวัน เราคนไทยบางครั้งก็พูดทับศัพท์ภาษาอังกฤษบ่อยเกินไป ปัญหาเลยเกิดว่า
เนื้อที่ 1 สำเนียงไม่ดี
แล้วที่ 2 บางครั้งภาษาอังกฤษกับภาษาไทยมีคำบางคำคล้ายๆกัน ทำให้มันก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่าไอ้ที่พูดมาเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ


แต่อย่างน้อยผมก็เชื่อว่ามันจะลดเวลาการ พิมพ์ หรือเปล่า เพราะความจริงโหดบางครั้ง ถ้าต้องการชัดเจนอาจจะช้ากว่าพิมพ์ก็ได้ครับ


แต่เอาเป็น youtube มีตัวสร้างภาษาอังกฤษให้
apple มี siri
ให้ google chrome ก็มี โปรแกรมเสริม เช่น Speechnotes


ส่วน google doc มี speech recognition ให้ เป็นตัวเสริม
สวน windows7 ก็มี voice recognition ให้เหมือนกัน แต่ที่ผมกล่าวมา ผมอาจจะไม่ชอบของ windows มากที่สุด


ส่วนโปรแกรมอื่นอื่น ใน iphone มี dragon dictionary ให้ แต่น่าเสียดายที่สามารถใช้บันทึกได้แค่ 1 นาทีเท่านั้น และผมยังไม่เห็นโปรแกรมอื่นอื่นที่ใช้งานได้ดีใกล้เคียงกับ dragon dictionary


แต่ส่วนใหญ่ที่ผมบอกมานั้นสามารถใช้ได้กับเฉพาะภาษาอังกฤษยกเว้นตัว speech recognition และของ google ที่สามารถจัดงานภาษาไทยได้ นอกนั้น ใช้กับภาษาอังกฤษได้ดีครับ


ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ แน่นอนครับ เราต้องมีไมโครโฟน เพื่อนำเสียงส่งไปให้ ให้กับโปรแกรม ในการแปลงค่าออกมาเป็นตัวหนังสือแทนเสียง สำหรับพวก notebook หรือโทรศัพท์ iphone นั้น ไมโครโฟนติดมากับตัวเครื่องโดยส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่อาจจะต้อง ทดสอบ เสียงเล็กน้อยก่อนใช้งานจริง


สรุปการใช้ voice recognition สามารถเป็นจริงได้แล้วในปัจจุบันแต่เพราะว่าอาจจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น การฟังสำเนียงการพูดให้ถูกต้อง สำหรับภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษบางคำ ก็อาจจะต้องใช้การ การเดาให้ถูกต้อง แต่สำหรับผมแค่นี้ก็สามารถใช้ควบคู่กับการฟังภาษาอังกฤษ ได้อย่างดีแล้วครับ

ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการศึกษาจาก youtube หรือจาก video tutorials ต่างๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยการอ่าน และพัฒนาทักษะการฟัง ผ่านโปรแกรม จำพวก voice recognize ครับ

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคการเรียนด้วยตัวเอง

หลังจากจบจากมหาลัย มาได้เกือบ 3 ปี แล้ว ปัญหาการเรียนรู้ของผมตอนนี้ ก็คือการขยายขอบเขตความรู้ให้กับตัวเอง

เนื่องจากงานที่อยู่ จะเกี่ยวพันกับ Datawarehouse เป็นหลัก แต่บางครั้งก็เหมือนการยืมจมูกคนอื่นหายใจ เพราะข้อมูลที่ต้องใช้ จะมาจากขอบเขตความรู้ฝั่ง Business หมด หรือเป็นพวกประกอบธุรกิจ ทำให้การรู้กว้างไว้บาง ก็จะดีต่ออาชีพการงานของผม ส่วนรู้ลึกก็ต้องให้พวก BI Datawarehouse ไป

แต่สิ่งที่หายไปจากชีวิต เมื่อก่อนตอนเรียนจะลองเรียน นู้น นี้ นั้น เยอะไปหมด แต่ตอนนี้ชีวิตออฟฟิตเอาไปวันละ 10 ชั่วโมง บวก เดินทางอีก 2 ชั่วโมง นอนหลับอีก 8 ขั่วโมง ดังนั้นจะเหลือเวลาให้ตัวเองประมาณ 2 ขั่วโมง

พอจะอ่านหนังสือ พวก How to ก็แทบไม่มีสมาธิเลย

ผมจะต้องนำวิธียอดนิยม โดยการใช้เครื่องมือ Mindmap มาช่วยกระตุ้นให้การเรียนรู้ยังดำเนินต่อไปได้


ยอมรับอย่างครับ ว่าใช้แล้วมันได้ผลระดับหนึ่ง ซึ่ง ใช้ List ออกมา ว่าอยากเรียนอะไร อยากรู้อะไร อยากทำอะไรเป็น แล้วก็ไล่ตามหนังสือความ เหมือนสรุปย่อ เห็นแล้วก็นึกออกว่าทำอะไรมาแล้วบ้าง เป็นต้องสรุปยอดความรู้ได้ดีมากครับ

อยากลองให้ใช้กันดูบ้างครับ ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ หรือเป็นโปรแกรมบนคอม
ถ้าใครนึกไม่ออกจะ ว่าจะ หา Mindmap บนคอมที่ไหนได้บ้าง ก็ขอให้ลองดูที่นี้ครับ http://gkengapplication.blogspot.com/2011/06/freemind-mindmap.html

โหลมาใช้ฟรีๆ กันได้ครับผม